ใครๆก็แก้กฎหมายได้(คุณก็ด้วย)
Bookmark and Share

วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เต่าทองบุก

วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6818 ข่าวสดรายวัน


เต่าทองบุก





แมลงเต่าทองกว่า 10 ล้านตัวบุกเข้าไปอยู่ในฟาร์มแห่งหนึ่งในเมืองคอมบีเซนต์นิโคลัส ประเทศอังกฤษ เนื่องจากชาวไร่ในบริเวณนั้นปลูก "ซีดัม" ต้นกระบองเพชรที่มีลักษณะคล้ายหญ้าที่ใช้ทำเป็นหลังคาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม "ซีดัม" เป็นอาหารที่แมลงเต่าทองชอบ


หน้า 29

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROMFpXTXdOVE13TURjMU1nPT0=&sectionid=TURNeU5nPT0=&day=TWpBd09TMHdOeTB6TUE9PQ==

ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
 
 
 
 
 
 




แบ่งปันรูปถ่ายกันอย่างง่ายดายด้วย Windows Live™ Photos ลากแล้วปล่อย

ต้นไม้ปกป้องตัวเองให้พ้นภัยจากสัตว์-โรค


 

วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6818 ข่าวสดรายวัน


ต้นไม้ปกป้องตัวเองให้พ้นภัยจากสัตว์-โรค





ดร.แอนเดรียส บักแมร์ จากมหาวิทยาลัยเวียนนา ประเทศออสเตรีย เปิดเผยว่า ต้นไม้สามารถกำจัดตัวเองได้ เมื่อถูกสัตว์หรือโรครุกราน ซึ่งนับเป็นการปกป้องภัยของมัน

"เมื่อถูกสัตว์ทำร้ายหรือติดเชื้อจากโรค ต้นไม้สามารถกำจัดบางส่วนของมันเพื่อปกป้องส่วนที่เหลือ อย่างกรณีการติดโรค เมื่อส่วน นั้นตายก็จะทำให้โรคตายไปด้วย ต้นไม้จะตั้งโปรแกรมพิเศษเพื่อปกป้องส่วนที่สามารถปกป้องได้ มันยอมตายบางส่วน แต่สามารถเก็บรักษาส่วน ที่สำคัญไว้ มันไม่ใช่ตายเพราะถูกความร้อนสูง" ดร.บักแมร์ กล่าว

ต้นไม้ยังมีวิธีการป้องกันตนเองแตกต่างไปจากสัตว์ เพราะไม่สามารถวิ่งหนีศัตรู ทั้งยังมีระบบภูมิคุ้มกันในรูปแบบของอาวุธเคมี เพื่อต่อสู้กับโรคอย่างเชื้อรา นอกจากนี้ คณะของดร.บักแมร์กำลังศึกษาว่า การกำจัดบางส่วนของต้นไม้นั้นเกี่ยวข้องกับใบไม้ที่ร่วงหล่นในฤดูใบไม้ร่วงหรือไม่ด้วย

หน้า 29

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROMFpXTXdORE13TURjMU1nPT0=&sectionid=TURNeU5nPT0=&day=TWpBd09TMHdOeTB6TUE9PQ==
--
      Weblink
http://ilaw.or.th
www.patani-conference.net
http://www.thaihof.org
http://thainetizen.org
http://www.ictforall.org
http://elibrary.nfe.go.th
http://www.thaisara.com
http://www.rmutr.ac.th
http://www.bedo.or.th/default.aspx
http://weblogcamp2009.blogspot.com
http://seminarmon.blogspot.com
http://seminartue.blogspot.com
http://seminarwed.blogspot.com
http://seminarthu.blogspot.com
http://seminarfri.blogspot.com
http://seminar1951.blogspot.com
http://seminardd.com

--
      Weblink
http://ilaw.or.th
www.patani-conference.net
http://www.thaihof.org
http://thainetizen.org
http://www.ictforall.org
http://elibrary.nfe.go.th
http://www.thaisara.com
http://www.rmutr.ac.th
http://www.bedo.or.th/default.aspx
http://weblogcamp2009.blogspot.com
http://seminarmon.blogspot.com
http://seminartue.blogspot.com
http://seminarwed.blogspot.com
http://seminarthu.blogspot.com
http://seminarfri.blogspot.com
http://seminar1951.blogspot.com
http://seminardd.com

บังกลาเทศพบเสือลายเมฆ

วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6818 ข่าวสดรายวัน


บังกลาเทศพบเสือลายเมฆ





ชาวบ้านในเขตรังกิมาติของบังกลาเทศพบครอบครัวเสือลายเมฆ (Clouded Leopard) พันธุ์หายากที่คิดว่าสูญพันธุ์ไปตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว

เสือลายเมฆครอบครัวนี้ประกอบด้วยแม่เสือ 1 ตัว ลูกเสือ 2 ตัว การค้นพบสร้างความหวังให้กับเหล่านักอนุรักษ์ว่า เสือลายเมฆยังคงซ่อนตัวอยู่ในที่ใดที่หนึ่งแม้ต้องต่อสู้กับการตัดไม้ทำลายป่าและการซื้อขายสัตว์ผิดกฎหมาย

ศ.อันวารุล อิสลาม ประธานมูลนิธิไวลด์ไลฟ์ทรัสต์แห่งบังกลาเทศ กล่าวว่า "พวกเรารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่เห็นสัตว์ที่คิดว่าสูญพันธุ์ไปแล้วอีกครั้ง ทั้งพวกมันยังผสมพันธุ์ออกลูกมาด้วย"

เสือลายเมฆเป็นเสือขนาดเล็ก รูปร่างคล้ายเสือดาวแต่ตัวเล็กกว่า รูปร่างเตี้ยป้อม ลำตัวมีสีพื้นน้ำตาลอมเทาจนถึงน้ำตาลเหลือง ช่วงล่างและขาด้านในสีขาวหรือสีครีม มีลายสีน้ำตาลเข้มเป็นดวงเหมือนก้อนเมฆขนาดใหญ่ทั่วตัว มีถิ่นที่อยู่ในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

พวกมันชอบอาศัยพักผ่อนอยู่บนต้นไม้ ปีนต้นไม้เก่งมากและสามารถห้อยตัวลงมาจากกิ่งไม้โดยใช้ขาหลังเกี่ยวไว้เท่านั้น ปัจจุบันมีข้อมูลเกี่ยวกับอุปนิสัยของเสือลายเมฆไม่มากนัก เนื่องจากมีจำนวนน้อยในธรรมชาติ ประกอบอาศัยอยู่ในป่าทึบ ทำให้ศึกษาได้ยาก

หน้า 29
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROMFpXTXdNek13TURjMU1nPT0=&sectionid=TURNeU5nPT0=&day=TWpBd09TMHdOeTB6TUE9PQ==

ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.

 
 
 
 
 
 




แบ่งปันความทรงจำกับคนอื่นๆ ที่คุณต้องการทางออนไลน์ได้ คนอื่นๆ ที่คุณต้องการ

คุ้มครองสัตว์ป่าโลกลง"กุยบุรี" แก้ปัญหายืดเยื้อชาวบ้านฆ่าช้างป่าย่ำไร่

วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6818 ข่าวสดรายวัน


คุ้มครองสัตว์ป่าโลกลง"กุยบุรี" แก้ปัญหายืดเยื้อชาวบ้านฆ่าช้างป่าย่ำไร่




ประจวบคีรีขันธ์ - ร.ต.สุ่น หมวกเมือง ประธานชมรมอนุรักษ์ช้างป่ากุยบุรี เปิดเผยว่า จากการสำรวจของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี พบว่าขณะนี้ป่ากุยบุรีมีช้างป่า 150 ตัว แบ่งเป็นสองโขลง ส่วนหนึ่งอาศัยหากินในป่าอุทยาน และอีกส่วนหากินในป่าท้องที่บ้านพรุบอนและบ้านย่านซื่อ ต.หาดขาม ในปี 2542 ช้างป่าลงมาหาอาหารกินที่บ้านรวมไทย ทำให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างช้างป่ากับชาวบ้านตลอดมา

ร.ต.สุ่น กล่าวว่า ในอดีตทางการต้องการกำจัดลัทธิคอมมิวนิสต์ จึงส่งเสริมให้ประชาชนจัดตั้งหมู่บ้านโดยจัดสรรที่ดินทำกินให้ จึงเกิดผลกระทบกับสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่เดิม เมื่อราคาสับปะรดถูกชาวบ้านก็ทิ้งผลผลิตช้างป่าจึงลงกินเป็นอาหาร แต่เมื่อสับปะรดมีราคาแพงเกษตรกรก็กลับเข้ามา เมื่อช้างป่ามากิน จึงกลายเป็นปัญหาระหว่างคนกับช้างและทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นตามลำดับ เช่น การวางยาพิษช้างตายไป 2 ตัว ยิงตาย 2 ตัว และตายไม่ทราบสาเหตุอีกหลายตัว

ร.ต.สุ่น กล่าวว่า ด้วยเหตุดังกล่าว อุทยานแห่งชาติป่ากุยบุรี ร่วมกับชาวบ้านจึงรวมตัวจัดตั้งชมรมอนุรักษ์ช้างป่ากุยบุรี เพื่อแก้ไขปัญหา และเมื่อเร็วๆ นี้ที่หมู่บ้านรวมไทย ต.หาดขาม เจ้าหน้าที่องค์กรคุ้มครองสัตว์ป่าโลก(WWF) พร้อมเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติป่ากุยบุรี และชมรมอนุรักษ์ช้างป่ากุยบุรี ได้ร่วมประชุมหารือการแก้ไขปัญหาช้างกัดกินพืชไร่ของเกษตรกร เพื่อหาแนวทางการอยู่ร่วมกันระหว่างช้างกับคน โดยจะมีการจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อุทยาน 3 ชุด รวม 18 นาย เมื่อช้างลงกินพืชไร่และได้รับการร้องขอจากชาวบ้าน ก็จะไปรวมกันไล่ช้างให้กลับเข้าป่า นอกจากนี้จะมีการทำบันทึกข้อมูลเพื่อวางแนวทางในการแก้ไขปัญหาระยะยาวต่อไป


หน้า 28
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd2NtOHdNVE13TURjMU1nPT0=&sectionid=TURNeE13PT0=&day=TWpBd09TMHdOeTB6TUE9PQ==


ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
 
 
 
 
 
 




ด้วย Windows Live คุณสามารถจัดการ แก้ไข และ แบ่งปันภาพถ่ายของคุณ

ทึ่งชิมแปนซีแสนรู้-ล้างกรงเอง


วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6818 ข่าวสดรายวัน


ทึ่งชิมแปนซีแสนรู้-ล้างกรงเอง





แสนรู้ - เจ้าชาลี ลิงชิมแปนซี เพศผู้ อายุ 15 ปี ของสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จ.ชลบุรี ปัดกวาดทำความสะอาดในกรงตัวเองอย่างแสนรู้ หลังเห็นพี่เลี้ยงมาทำความสะอาดให้บ่อยๆ เลยทำตาม เป็นที่เอ็นดูของนักท่องเที่ยวที่พบเห็นอย่างมาก

เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี มีลิงชิมแปนซีแสนรู้กำลังเป็นที่ชื่นชอบของนักเที่ยว เพราะสามารถล้างทำความสะอาดกรงของตัวเองอย่างน่าเอ็นดู จึงเดินทางไปพิสูจน์พบลิงชิมแปนซีเพศผู้ ชื่อชาลี อายุ 15 ปี กำลังทำความสะอาดกรงเลี้ยง ด้วยการใช้ไม้กวาดกวาดพื้นภายในกรงและใช้แปรงถูพื้นบริเวณที่มีคราบตะไคร่น้ำ ซึ่งเป็นภาพที่น่าประทับใจสำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาชมส่วนแสดงลิงเป็นอย่างมาก

นายลือชัย ต้นนวม อายุ 37 ปี ผู้ดูแลส่วนแสดงลิง เล่าว่า ลิงชาลี เป็นลิงฉลาด เมื่อเห็นคนทำความสะอาดบริเวณรอบๆ กรงทุกวัน รวมทั้งใช้แปรงถูพื้นปูนรอบๆ กรงที่มีคราบตะไคร่น้ำ ซึ่งบางครั้งต้องใช้ไม้แหย่เข้าไปทำความสะอาดในกรง ซึ่งการทำความสะอาดภายในกรงนั้นทำด้วยความลำบากมาก คิดว่าน่าจะฝึกให้ลิงทำความสะอาดเอง จึงลองนำไม้กวาดและแปรงไปวางไว้ในกรงลิง ปรากฏว่าเจ้าชาลีนำแปรงและไม้กวาดมาทำความสะอาดเหมือนที่เห็นเจ้าหน้าที่ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง

เมื่อเจ้าหน้าที่ใช้น้ำฉีดเข้าไปในกรง ลิงจะกวาดและใช้แปรงถูพื้นพร้อมๆ กับพนักงานที่ทำความสะอาดบริเวณรอบๆ กรงลิงดังกล่าว ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมาพบเห็นก็ต่างทึ่งในความสามารถและความฉลาดของเจ้าชาลี บางครั้งเมื่อนักท่องเที่ยวแวะเวียนขึ้นไปชมลิงชิมแปนซี เจ้าชาลีก็จะโชว์การกวาดและถูพื้นโชว์ให้ได้ชม ทางสวนสัตว์กำลังพิจารณานำเจ้าชาลีออกมาแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชมอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ ภายในส่วนจัดแสดงลิงชิมแปนซี มีเพียงเจ้าชาลีที่มีพฤติกรรมแบบนี้ตัวเดียวเท่านั้น

หน้า 11

 
 
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXhNek13TURjMU1nPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09TMHdOeTB6TUE9PQ==
 

ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.

 
 
 
 
 
 




แบ่งปันความทรงจำกับคนอื่นๆ ที่คุณต้องการทางออนไลน์ได้ คนอื่นๆ ที่คุณต้องการ

อนุ กมธ. สว.เตรียมลงพื้นที่เพื่อรับฟังความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานิวเคลียร์

 

 

 

อนุ กมธ. สว.เตรียมลงพื้นที่เพื่อรับฟังความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานิวเคลียร์

30 ก.ค.52 -             ประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาและติดตามการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ วุฒิสภา ระบุ กรรมาธิการเตรียมลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานิวเคลียร์ พร้อมเผย เตรียมเชิญหน่วยงานที่เคยมีประชาชนต่อต้านมาก่อนร่วมประชุมเพื่อนำประสบการณ์มาปรับใช้กับการทำงาน

นายธีรจิตต์ สถิโรตมวงศ์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาและติดตามการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ วุฒิสภา กล่าวถึงการพิจารณาศึกษาข้อมูลด้านการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนเกี่ยวกับความพร้อมสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ว่า ปัจจุบันการหาสถานที่ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก กรรมาธิการจึงเตรียมที่จะรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ที่มีการคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นสถานที่ในการก่อสร้างในอนาคต ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้กรรมาธิการจะใช้โอกาสในการให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์ที่ประเทศต่างๆ ในโลกดำเนินการอยู่ด้วยเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบันว่าพลังงานนิวเคลียร์นั้นมีอันตรายหรือไม่

นอกจากนี้ นายธีรจิตต์ ยังกล่าวอีกว่า เพื่อให้การดำเนินการเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชนในด้านพลังงานนิวเคลียร์ประสบความสำเร็จมากที่สุด คณะกรรมาธิการจึงเตรียมเชิญผู้แทนจากนิคมอุตสาหกรรมในประเทศและผู้แทนกลุ่มเครือซิเมนต์ไทยซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีประสบการณ์ด้วนมวลต่อต้านในเวลาเริ่มโครงการ มาร่วมประชุมกับกรรมาธิการในวันพุธที่ 19 สิงหาคม 2552 นี้ เพื่อกรรมาธิการจะได้รับทราบและนำประสบการณ์จากหน่วยงานดังกล่าวมาปรับใช้กับการทำงานของกรรมาธิการต่อไปในอนาคต

 

 เกรียงไกร  หอมจันทร์เทศ  ข่าว / เรียบเรียง

 

 

ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.

 
 
 
 
 
 




ด้วย Windows Live คุณสามารถจัดการ แก้ไข และ แบ่งปันภาพถ่ายของคุณ

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เลาะเลียบ กทม. สำรวจโครงการระบายน้ำสุวรรณภูมิ เฝ้าระวัง "น้ำท่วมกรุง"

วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11462 มติชนรายวัน


เลาะเลียบ กทม. สำรวจโครงการระบายน้ำสุวรรณภูมิ เฝ้าระวัง "น้ำท่วมกรุง"


โดย พนิดา สงวนเสรีวานิช




คลองระบายน้ำสุวรรณภูมิ
ทุกปีกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก อย่างที่ลุ่มบางภาษี อำเภอบางเลน หรือบริเวณตำบลกระทุ่มล้ม อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ต้องกลายเป็นเหมือนแอ่งรองรับน้ำเหนือไปโดยปริยาย

ยิ่งที่ห้วงเวลานี้ที่นับเป็นห้วงเวลาสำคัญของการเตรียมความพร้อม ก่อนที่จะต้องรับมือกับ "3 น้ำ" ที่กำลังจะประดังประเดกันมาพร้อมๆ กันคือ "น้ำฝน น้ำเหนือ และน้ำทะเลหนุน" ต้นเหตุของภาวะน้ำท่วม ซึ่งแต่ละปีสร้างความเสียหายให้กับประเทศคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท

นอกจากเรื่องของการบริหารการจัดการระบบระบายน้ำแล้ว ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเป็นเพราะระบบเฝ้าระวังภัยทางน้ำที่ยังเป็นแบบเดิมๆ ใช้กำลังคนในการเฝ้าระวัง การเตือนภัยจึงเป็นไปอย่างเชื่องช้าไม่ทันการณ์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงให้ความสำคัญกับเรื่องของน้ำเป็นอย่างมาก ได้พระราชทานคำแนะนำเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมมาโดยตลอด

อาทิ การขุดคลองลัดโพธิ์ หนึ่งในโครงการพระราชดำรัสเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมบริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ช่วยให้แม่น้ำเจ้าพระยาช่วงที่ไหลผ่านพื้นที่ตำบลบางกระเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ จากระยะทางเดิม 18 กิโลเมตร เหลือเพียง 600 เมตร จึงระบายน้ำได้เร็วขึ้น

ขณะเดียวกันมีพระราชดำริให้ผันน้ำหลากเหนือเขื่อนเจ้าพระยาและท้ายเขื่อนป่าสักออกทางฝั่งซ้ายผ่านระบบคลองเดิมลงคลองระพีพัฒน์ ผันออกทางคลองระบายน้ำที่ 13, 14 ระบายออกสู่ทะเลทางแม่น้ำบางปะกง และคลองพระองค์ไชยานุชิต

เพื่อเพิ่มความอุ่นใจให้กับประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ตอนล่างของลุ่มเจ้าพระยาที่หน้าฝนปีนี้ดูเหมือนจะหนักกว่าทุกปี กรมชลประทาน โดยสำนักชลประทานที่ 11 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ทางตอนล่างของลุ่มน้ำเจ้าพระยา จัดพาสื่อมวลชนไปเยี่ยมชมการเตรียมความพร้อมรับมือน้ำหลาก โดยการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ชัยนรินทร์ พันธ์ภิญญาภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 11 เล่าถึงระบบการจัดการระบายน้ำในบริเวณลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างว่า เขื่อนสำคัญๆ ที่ทำหน้าที่รองรับน้ำจากทางเหนือ อย่างเขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนภูมิพล ขณะนี้ปริมาณที่รองรับน้ำยังไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาที่มีศักยภาพระบายน้ำได้ 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ณ วันนี้ปริมาณการระบายน้ำอยู่ที่ 246 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีเท่านั้น


"ที่น่าเป็นห่วงคือ ในส่วนของปริมาณน้ำฝนที่ตกในพื้นที่ ซึ่งตรงนี้เรามีความพร้อมทั้งสถานีสูบน้ำ ประตูระบายน้ำ รวมทั้งเครื่องสูบน้ำชั่วคราว ซึ่งปีนี้เรามีสถานีสูบน้ำเพิ่มขึ้น 3 แห่ง ได้แก่ สถานีสูบน้ำประเวศบุรีรมย์ สถานีสูบน้ำหนองจอก และสถานีสูบน้ำคลองหกวา เพิ่งจะแล้วเสร็จ แม้ว่าจะยังไม่มีการทดลองใช้อย่างเป็นทางการ เพราะยังไม่เจอกับน้ำท่วมหนักๆ อย่างปี พ.ศ.2538 แต่เรามั่นใจว่าสามารถรับมือได้ น้ำไม่ท่วมแน่นอน"

นอกจากการก่อสร้างสถานีประตูระบายน้ำแห่งใหม่เพิ่มขึ้นถึง 3 สถานี สำนักชลประทานที่ 11 ยังพาไปชมโครงการล่าสุด "โครงการระบายน้ำบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ"

ทั้งนี้ เนื่องจากพื้นที่ละแวกบางพลี สมุทรปราการ คือหนึ่งในพื้นที่ประสบภาวะน้ำท่วมเป็นนิจในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่ประเทศไทยได้สนามบินนานาชาติแห่งใหม่ สาเหตุเพราะพื้นที่เดิมของสนามบินสุวรรณภูมิเป็นที่ลุ่มมีลักษณะเป็นแอ่งขนาดใหญ่ และเป็นพื้นที่รับน้ำเพื่อไม่ให้น้ำที่หลากจากทางเหนือทะลักเข้าท่วมกรุงเทพมหานคร

เมื่อพื้นที่ "หนอง" ถูกถมสูงเพื่อทำเป็นสนามบินนานาชาติ ทำให้สูญเสียพื้นที่ที่เคยเป็นเสมือนแอ่งพักน้ำขนาดใหญ่ รองรับน้ำได้กว่า 20,000 ไร่ น้ำที่ไม่สามารถระบายออกไปในคลองระบายน้ำที่ทำไว้บริเวณรอบๆ สนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่บริเวณโดยรอบ และต่อเนื่องลึกเข้าสู่พื้นที่ชั้นกลางและชั้นในของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

จึงเป็นที่มาของ "โครงการระบายน้ำบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ"

ทริปนี้หลังจากแวะเยี่ยมชมสถานีสูบน้ำคลองหกวาสายล่าง และสถานีสูบน้ำหนองจอก เป้าหมายต่อไปบนถนนสุขุมวิทสายเก่า ซึ่งมุ่งตรงไปทางเดียวกับบางปู อดีตสถานพักตากอากาศยอดนิยมเมื่อ 20-30 ปีก่อน เส้นทางน้ำที่ขนานไปกับถนนสายนี้ก็คือ "คลองชายทะเล"

(บน-กลาง) สถานีสูบน้ำคลองหกวา และสถานีสูบน้ำประเวศบุรีรมย์ พร้อมรับมือฤดูฝน (ล่าง) สะพานน้ำขนาดยักษ์โครงการสุวรรณภูมิ ทอดข้ามคลองชายทะเลและถนนสุขุมวิทไปลงทะเล


"คลองชายทะเล" นอกจากจะเป็นหนึ่งในแหล่งพักน้ำก่อนจะที่ผลักออกสู่อ่าวไทย ที่นี่ยังเป็นจุดเฝ้าระวังที่เจ้าหน้าที่กรมชลประทานใช้สังเกตระดับน้ำว่าถึงระดับที่จะต้องเดินเครื่องสูบน้ำหรือยัง

เบื้องหน้าไม่ไกล เป็นที่ตั้งของอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดใหญ่ที่ทอดตัวข้ามถนนสุขุมวิท

ที่นี่คือ "สะพานน้ำ" ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สูงจากถนนสุขุมวิทประมาณ 6 เมตร ทำหน้าที่รับน้ำจากสถานีสูบน้ำสุวรรณภูมิ ข้ามคลองชายทะเลและถนนสุขุมวิทไปสู่ทะเลโดยตรง

เพื่อรองรับกับศักยภาพของสถานีสูบน้ำสุวรรณภูมิ ซึ่งเมื่อเดินเครื่องเต็มที่แล้วสามารถระบายน้ำได้มากถึง 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

ส่วนบริเวณที่ตั้งของสถานีสูบน้ำสุวรรณภูมิ ซึ่งอยู่ในช่วงของการเร่งก่อสร้างนั้นจัดทำเป็นส่วนของอาคารสถานีหลัก ขนาด 2 ชั้น มีห้องประชุมขนาดกะทัดรัด และโรงอาหารสำหรับให้บริการเจ้าหน้าที่และพนักงานทั้งหมด

อาคารสถานีสูบน้ำนั้นสร้างด้วยคอนกรีต ชั้นล่างเป็นที่ตั้งของเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ ฐานเป็นคอนกรีตจึงทนต่อการกัดกร่อนของน้ำทะเล กำลังการสูบน้ำทั้ง 4 เครื่อง ซึ่งควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ มีศักยภาพการสูบน้ำได้ถึงเครื่องละ 25 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เทียบกับเครื่องสูบน้ำที่ใช้กันอยู่ตามสถานีสูบน้ำอื่นๆ มีกำลังเพียงแค่ 3 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เท่านั้น

ชั้นบนของอาคารเป็นสถานีเฝ้าสังเกต อันเป็นที่ตั้งของระบบโทรมาตร (Telemetering System) ซึ่งเป็นระบบตรวจวัดและส่งข้อมูลทางไกลแบบอัตโนมัติ เป็นเทคโนโลยีที่กรมชลประทานนำมาช่วยแก้ปัญหาการจัดการระบายน้ำในระยะยาว

โดยระบบโทรมาตรนี้ จะรายงานข้อมูลน้ำฝนและอัตราการไหลของน้ำ ในพื้นที่ทั้งหมด 49 สถานีโดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิ แบ่งเป็นการทำงานด้วยระบบจีพีเอส 14 สถานี ระบบวิทยุติดตาม 12 สถานี และระบบไฟเบอร์ออปติค 23 สถานี แล้วส่งข้อมูลมายังสถานีแม่ข่ายหรือห้องควบคุมที่นี่ เพื่อวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ของระดับน้ำทะเล เพื่อคาดการณ์สถานการณ์น้ำที่อาจเกิดขึ้น และสามารถวางแผนการระบายน้ำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

วีระ วงศ์แสงนาค รองอธิบดีกรมชลประทาน อธิบายเพิ่มเติมในส่วนของระบบโทรมาตรว่า เป็นระบบเฝ้าติดตามน้ำฝนในพื้นที่ เมื่อฝนตกจะปรากฏตัวเลขของระดับน้ำที่จอรับภาพ ฉะนั้นที่สถานีหลักจะทราบสถานการณ์ของน้ำก่อน จะสามารถแจ้งต่อไปสถานีอื่นเพื่อดำเนินในขั้นต่อไป

"เมื่อก่อนเราใช้การคาดการณ์ โดยใช้คนเฝ้าระวัง แต่ปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด เป็นแบบเรียลไทม์ทำให้สามารถรู้ระดับน้ำในทันที และสามารถคำนวณได้ว่าปริมาณน้ำจะเข้ามาเท่าไหร่ ทำให้การบริหารจัดการน้ำทำได้รวดเร็ว"

รองอธิบดีกรมชลประทาน ย้ำอีกว่า "เราพร้อมแล้วในเรื่องของการรับมือกับน้ำหลาก เราได้น้อมนำพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นแนวทางในการก่อสร้าง รวมทั้งเร่งระบายน้ำออกทางแม่น้ำนครนายก แม่น้ำบางประกง รวมทั้งทางคลองชายทะเล และได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ยังไม่ลุล่วงเท่านั้น

"กลางปีนี้เราได้เตรียมการติดตั้งระบบ "โทรมาตร" ให้ลุล่วงทั้ง 49 สถานี เพื่อควบคุมทั่วพื้นที่บริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาตะวันออกตอนล่างทั้งหมด เฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำ โดยเฉพาะปริมาณฝนตกในพื้นที่ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ เมื่อเราสามารถรู้เหตุการณ์ได้ทันเวลา เราก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที"

แม้ว่าโครงการสถานีสูบน้ำสุวรรณภูมิจะมีกำหนดแล้วเสร็จราวเมษายนปีหน้า แต่กรมชลประทานต่างยืนยันความมั่นใจว่า หน้าฝนปีนี้กรุงเทพฯ และปริมณฑลจะไม่ประสบกับภาวะน้ำท่วมขังเป็นเวลานานๆ อย่างที่กังวลแน่นอน

อย่างน้อยในช่วงฤดูน้ำหลากปีนี้ก็สามารถเปิดใช้งานประตูระบายน้ำที่เชื่อมต่อกับคลองธรรมชาติบริเวณเขตพื้นที่ตำบาลบางปลา ตำบาลบางปู โดยนับน้ำจากคลองลาดหวายคลอง 9 -คลอง 1 ตามลำดับ แล้วสูบออกทะเลโดยตรง ซึ่งสามารถช่วยระบายน้ำได้ประมาณ 25%

เว้นเสียแต่จะเจอระดับพายุไต้ฝุ่นถล่ม คงต้องมาว่ากันอีกที!

หน้า 20

วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

The Necessities of Life โลกที่กำลังเลือนหาย

วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11460 มติชนรายวัน


The Necessities of Life โลกที่กำลังเลือนหาย


คอลัมน์ อาทิตย์เธียเตอร์

โดย พล พะยาบ http://aloneagain.bloggang.com




ต้นทศวรรษ 1950 ขณะที่วัณโรคยังระบาดหนัก ครอบครัวชาวเอสกิโมบนเกาะบาฟฟิน ส่วนหนึ่งของดินแดนนูนาวุตทางเหนือของแคนาดาได้รับผลกระทบไปด้วย เมื่อคนขาวที่มากับเรือลำใหญ่เกณฑ์พวกเขาขึ้นมาตรวจหาเชื้อ หากใครเป็นวัณโรคจะต้องอยู่บนเรือต่อไปเพื่อส่งต่อให้สถานพยาบาลหลายแห่งบนแผ่นดินใหญ่ กระทั่งหลายครอบครัวต้องพลัดพรากจากกัน

ทีวี คือหนึ่งในผู้ติดเชื้อ เขาเป็นหัวหน้าครอบครัวที่มีเมียและลูกสาวตัวน้อย 2 คน ต้องดูแล การถูกกักตัวจึงไม่ได้หมายถึงการพลัดพรากเท่านั้น แต่ปากท้องของสมาชิกครอบครัวที่ใช้ชีวิตอิงอยู่กับวิถีธรรมชาติจะต้องขาดที่พึ่งพิงไปด้วย

หลังจากอยู่บนเรือนาน 3 เดือน ทีวีถูกพามายังสถานพยาบาลในควิเบค เขาถูกตัดผม สวมเสื้อผ้าชุดใหม่ ต้องกินอาหารไม่คุ้นปาก พักรวมกับผู้ป่วยหลายคนซึ่งล้วนแต่เป็นคนขาว ทุกคนพูดภาษาฝรั่งเศส ไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่ทีวีพูด เช่นเดียวกับที่เขาไม่อาจเข้าใจใครได้เลย

ด้วยร่างกายที่ป่วยไข้ ความรู้สึกแปลกแยกกับสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย อีกทั้งความห่วงกังวลว่าครอบครัวจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร อาการของทีวีจึงทรุดหนักลง ยิ่งหลังจากที่เขาหนีออกไประหกระเหิน ผจญกับอากาศเลวร้ายหลายวันก่อนถูกตามตัวกลับมา

ยังดีที่ คาโรล นางพยาบาลใจดีซึ่งดูแลทีวีตระหนักว่าความป่วยไข้ร้ายแรงกว่าวัณโรคที่คุกคามทีวีคือ ความแปลกแยกและความห่วงกังวลถึงครอบครัว เธอจึงช่วยให้เขาได้คุยโทรศัพท์กับเมีย ได้กินอาหารตามแบบที่เคยกิน ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังวิ่งเต้นพา คาคิ เด็กชายชาวเอสกิโมซึ่งป่วยเป็นวัณโรคเช่นกันจากสถานพยาบาลต่างเมืองมาอยู่ที่นี่เพื่อเป็นเพื่อนพูดคุยกับเขา และคอยเป็นล่ามสื่อสารกับคนอื่นๆ



คาคิเป็นเด็กกำพร้าซึ่งไม่มีญาติชาวเอสกิโมเหลืออยู่อีกแล้ว เขาเข้ารักษาในสถานพยาบาลตั้งแต่ 2 ปีก่อน ทำให้พูดภาษาฝรั่งเศสได้และเริ่มกลมกลืนกับคนขาว ในฐานะที่เป็นชาวเอสกิโมคนแรกและคนเดียวซึ่งทีวีรู้จักที่นี่ อีกทั้งทีวีเองไม่มีลูกชาย คาคิจึงได้รับความรักใคร่เอ็นดูจากทีวีมากเป็นพิเศษ

ทีวีเล่าเรื่องราวน่าตื่นเต้นมากมายของชาวเอสกิโมให้คาคิฟัง ทั้งวิถีชีวิตดั้งเดิมอย่างการล่าสัตว์ ตำนาน-นิทานเก่าแก่ ทั้งยังแกะชิ้นไม้เป็นของเล่นให้คาคิ แต่ละวันของทีวีมีความหมายมากขึ้นจนเขาตั้งใจว่าเมื่อได้กลับบ้าน ณ ดินแดนน้ำแข็ง เขาจะพาคาคิกลับไปด้วยในฐานะลูกชาย

The Necessities of Life หรือ Ce qu"il faut pour vivre หนังปี 2008 ตัวแทนแคนาดาชิงออสการ์หนังภาษาต่างประเทศในรอบปีที่ผ่านมา ผลงานกำกับฯของ เบอนัวต์ ปีลง ใช้ภาษาฝรั่งเศสและภาษาอินุคติตุตซึ่งเป็นภาษาของชาวเอสกิโมหรือ "ชาวอินูอิต" ตามคำเรียกที่ใช้ทั่วไปในแคนาดา

ทุกฉากทุกตอนถูกจัดเรียงอย่างมีน้ำหนักผ่านการถ่ายภาพและดนตรีประกอบเพื่อให้เป็นดรามาติดตรึงอารมณ์ โดดเด่นด้วยการแสดงของ นาตาร์ อุนกาลัก ในบททีวีกระทั่งคว้ารางวัลนักแสดงนำชายจากหลายเวทีในแคนาดา อย่างไรก็ตาม น้ำหนักที่จัดวางอย่างตั้งใจในทุกๆ บทตอนทำให้ภาพรวมดูแน่นหนักจนขาดสีสัน ส่งผลต่ออารมณ์ร่วมและความประทับใจเมื่อดูหนังจบ

แก่นสารของหนังไม่ใช่แค่บอกเล่าช่วงเวลายากลำบากของชาวเอสกิโมผู้เป็นวัณโรคและต้องพลัดพรากจากครอบครัวมาอยู่ในโลกห่างไกล หากยังนำเสนอการต่อสู้เพื่ออยู่รอดของวิถีดั้งเดิมซึ่งกำลังถูกดูดกลืนด้วยอิทธิพลของโลกศิวิไลซ์ที่มีคนขาวเป็นเจ้าของ

ตัวละครทีวีและครอบครัวอันประกอบด้วยเมียและลูกสาวคือตัวแทนของชาวเอสกิโมตามวิถีดั้งเดิมที่ยังดำรงอยู่บนความหวาดหวั่นเปราะบางท่ามกลางโลกภายนอกที่กำลังไล่รุกรุนแรงยิ่งกว่าพายุหิมะ การไม่มีลูกชายมีความหมายถึงภาวะไร้การสืบทอด เมื่อเรือลำใหญ่ของคนขาวมาเยือนพร้อมกับกวาดต้อนชาวเอสกิโมขึ้นเรือเพื่อเอ็กซเรย์หาเชื้อราวกับสำรวจตรวจสอบอย่างทะลุปรุโปร่ง ครอบครัวก็ถูกจับแยกจากกัน

วัณโรคที่เป็นเหตุแห่งเรื่องราวทั้งหมดมีคำเรียกอย่างหนึ่งว่า White Plague แปลตรงตัวว่า "โรคระบาดขาว" จึงสอดรับกับแก่นสารดังกล่าวโดยตรง (คำว่า White Plague หมายถึงโรคระบาดที่ทำให้ผู้ป่วยตัวซีดขาว แต่มักถูกใช้อย่างเจาะจงว่าหมายถึงวัณโรค)

เมื่อทีวีถูกตัดผม ต้องใส่เสื้อผ้าแบบคนขาว กินอาหารแบบคนขาว ห้อมล้อมด้วยคนผิวขาวที่พูดคนละภาษากับเขา ความเป็นเอสกิโมจึงถูกลดคุณค่าลงจนเป็นแค่สิ่งแปลกปลอม

ตลอดทั้งเรื่องเราจะไม่ได้เห็นวิถีชีวิตของชาวเอสกิโมในแบบที่ดำรงอยู่จริงๆ นอกจากผ่านคำบอกเล่าอันน่าภาคภูมิใจของทีวี ไม่ว่าจะเป็นการล่ากวางคาริบูในอดีตที่ต้องใช้อุบายและความสามัคคีของชาวเอสกิโม ตำนาน-ความเชื่อต่างๆ ภาพวาดและไม้แกะสลักรูปสัตว์ ราวกับว่าทั้งหมดนี้ไม่เหลืออยู่แล้วในโลกแห่งความจริง

คาคิคือส่วนเติมเต็มที่ช่วยทีวีอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป เด็กน้อยเลือนลบความแปลกแยก ภาษาที่เคยไร้ความหมายเพราะไม่มีใครเข้าใจถูกโต้ตอบและมีความหมายขึ้นมา นั่นเท่ากับความเป็นเอสกิโมปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในโลกที่แตกต่าง

การเติมเต็มที่คาคิมอบให้กับทีวีไม่ใช่แค่การใช้ชีวิตอยู่ในสถานพยาบาลได้อย่างสบายใจขึ้น แต่เด็กน้อยยังเป็นเหมือนลูกชายที่ทีวีไม่เคยมี ลูกชายผู้จะสืบเผ่าพันธุ์และสืบทอดวิถีแห่งความเป็นเอสกิโมให้คงอยู่ต่อไป ทีวีจึงถ่ายทอดเรื่องราวของเอสกิโมให้คาคิฟัง ค่อยๆ ดึงเขาออกจากโลกของคนขาวที่เริ่มดูดกลืนเป็นส่วนหนึ่ง จนถึงขั้นตอนสุดท้ายคือการรับเลี้ยงคาคิและพากลับไปยังดินแดนน้ำแข็ง...โลกเฉพาะที่ชาวเอสกิโมอย่างเขามุ่งหวังถึงการดำรงชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น

แม้รู้ทั้งรู้ว่ายังต้องเผชิญกับโรคร้ายต่อไปก็ตาม

หน้า 22

ซาอุฯได้มิส"จริยธรรมงาม" สไตล์ฉีกโลกไร้ขาอ่อน สวมชุด"ปิดหน้าหัวจรดเท้า"



วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 เวลา 16:29:06 น.  มติชนออนไลน์

ซาอุฯได้มิส"จริยธรรมงาม" สไตล์ฉีกโลกไร้ขาอ่อน สวมชุด"ปิดหน้าหัวจรดเท้า"

สาว 18 ซาอุฯคว้านางงาม"จริยธรรมงาม"เหนือผู้แข่งขัน 274 คน โดยผู้ประกวดทั้งหมดสวมชุดปิดหน้าหัวจรดเท้า ต้องผ่านการทดสอบตั้งแต่การดูแลพ่อแม่ จนถึงรับการทดสอบด้านจิตวิทยา ผู้ประกวดเผยผลวัดจาก"ความงามจากภายใน"

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ว่า น.ส.อายา อาลี อัล มุลลา อายุ 18 ปี ได้ชนะเลิศการแข่งขันประกวดนางงามจริยธรรมงามของทางการซาอุดิอาระเบีย เหนือหญิงร่วมเข้าประกวด 274 ราย และคว้ารางวัลตั้งแต่มงกุฎ เครื่องเพชร เงินสด 1,333 ดอลลาร์ และตั๋วเครื่องบินเดินทางไปเที่ยวมาเลเซีย ขณะที่ผู้จัดการประกวดบอกว่า หลักพิจารณาผู้ชนะเลิศวัดจาก"ความงามจากภายใน"ของผู้ประกวด

 

รายงานระบุว่า ในการประกวดนางงามจริยธรรมงามนี้ ถือว่าแตกต่างจากสไตล์การประกวดนางงามตะวันตกและทั่วโลกอย่างสิ้นเชิง โดยผู้ประกวดทุกรายสวมผ้าปิดหน้าหัวจรดเท้า แข่งขันภายใต้กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่คณะกรรมการกำหนด เช่น พฤติกรรมดูแลพ่อแม่และครอบครัว การปฎิบัติตนช่วยเหลือต่อสังคม รวมทั้งต้องผ่านบทสอบทางจิตวิทยา สังคม วัฒนธรรม และบทสอบพฤติกรรมบุคลิกภาพส่วนตัวด้วย

 

ขณะที่รายงานระบุว่า ที่ผ่านมา ซาอุฯไม่เคยมีการประกวดนางงามโชว์ขาอ่อนหรือชุดว่ายน้ำ เนื่องจากขัดต่อกฎจารีตประเพณี ซึ่งโดยปกติแล้ว ผู้หญิงซาอุฯจะไม่สามารถเข้าไปอยู่รวมกับฝูงชนที่เป็นผู้ชายได้ และหากอยู่ในที่สาธารณก็ต้องแต่งกายมิดชิด แม้กระทั่งเวลาถ่ายภาพด้วย
                                             
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1248600575&grpid=01&catid=06
--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.sanamluang.bloggang.com
http://tham-manamai.blogspot.com
http://lifeanddeath2mcu.blogspot.com
http://www.parent-youth.net
http://www.tzuchithailand.org
http://www.presscouncil.or.th
http://ilaw.or.th
http://www.thaihof.org
http://thainetizen.org
http://www.ictforall.org
http://www.projectlib.in.th
http://elibrary.nfe.go.th
http://www.nstda.or.th/th
http://www.arda.or.th
http://www.nppdo.go.th
http://www.tlcthai.com
http://dbd-52.hi5.com
http://www.oknation.net/blog/assistance
http://weblogcamp2009.blogspot.com/

นกอัญชันป่าขาแดง (Red-legged Crake)

วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6814 ข่าวสดรายวัน


ม็อบ"ขาแดง"บุก!


คอลัมน์ ทัวร์ทโมน

ปริญญา ผดุงถิ่น pui@tourtamoan.com www.tourtamoan.com




บ่อน้าแดง น้ำใสมองทะลุเห็นตีนนกเลย

เนื่องจากเห็นว่าชาวบ้านชมรมอนุรักษ์นก สัตว์ป่า และธรรมชาติบ้านพุไทร อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี มีกิจกรรมที่น่าส่งเสริมอย่างยิ่ง คือจัดทำบ่ออาบน้ำนกให้นักดูนกเข้าชม เก็บเงินเป็นรายได้เลี้ยงตัวและชมรม

เท่ากับช่วยให้ชาวบ้านเปลี่ยนมุมมองเก่า เลิกมองนกหรือสัตว์เล็กสัตว์น้อยตามราวป่า เป็น"เหยื่อ"ของ"พราน" (โป้งเดียวก็หมดไป)

ผมเลยอาสา"ลุงสิน" คีย์แมนคนสำคัญของชมรม ออกสำรวจบ่อนกช่วงหน้าฝนให้ หลังจากได้รูปนกอัญชันป่าขาแดง (Red-legged Crake) มาจาก"บ่อลุงสิน" (บ่อหลัก)

ลีลาอาบน้ำอย่างเมามัน ที่บ่อกระแต



จนสามารถเรียกนักดูนกที่แยกย้ายกระจัดกระจายไปทางอื่น ให้กลับมาล่ารูปถ่ายของนกค่อนข้างหายากตัวนี้ได้คึกคักพอประมาณ

บ่อต่อไปที่ผมไปสำรวจ เรียกว่า"บ่อกระเบื้อง" จัดทำโดยลุงสินอีกเช่นกัน ผมเผชิญกับวันอันเงียบเหงายาวนาน ตั้งแต่เช้ายันเย็นในบังไพร ผมได้รูปนกโหลมา 1 ตัว จากการกดชัตเตอร์ 1 แชะ

แต่ผมไม่ท้อ ต่อมาอาสาไปเฝ้า"บ่อน้าแดง" ซึ่งบ่อนี้มีความพิเศษกว่าบ่ออื่น ตรงที่เป็นบ่อน้ำซับธรรมชาติบนเชิงเขา

ผมตื๊อแหลกจนแทบหมดแสง ถึงเวลา 18.30 น. กำลังเผลอๆ ทีเดียว พอมองผ่านช่องบังไพรไป ก็เห็นนกอัญชันป่าขาแดงเจ้าเก่า มายืนแช่น้ำในบ่อเรียบร้อยแล้ว

แม้จะเจอนกแค่ตัวเดียว แต่ผมมั่นใจว่านกต้องมีอย่างน้อย 2 ตัว เพราะนกชนิดนี้เป็นพวกอพยพเข้ามาทำรังวางไข่ในหน้าฝน ถึงอย่างไรก็ต้องมาเป็นคู่ ไม่มาตัวเดียว (ซึ่งต่อมามีคนไปเฝ้าซ้ำ ก็เจอนก 2 ตัวที่บ่อนี้จริงๆ)

ถัดจากบ่อน้าแดง ผมย้ายไปเฝ้า"บ่อกระแต" ซึ่งเป็นของลุงสินเช่นกัน เนื่องจากล่วงรู้นิสัยของนกอัญชันป่าขาแดง ว่าเป็นพวกออกหากินตอนโพล้เพล้ และก่อนเริ่มหากิน ก็ต้องหาแอ่งน้ำสำหรับอาบ (สงสัยอนามัยจัด)

แม้ตลอดทั้งบ่ายจะแทบไม่มีนกมาลงบ่อกระแต แต่ผมก็ตื๊อจนเกือบถึง 6 โมงเย็น นกอัญชันป่าขาแดงก็เดินลัดเลาะจากราวป่ามาลงอาบน้ำตามถนัด

ทิ้งช่วงสักพัก นกก็ลงมาอาบน้ำพร้อมกัน 2 ตัว

เท่ากับว่าปี 52 นี้ มีนกอัญชันป่าขาแดงมาลงบ่อนกแก่งกระจานแล้วถึง 3 บ่อ โดยที่ผมเองก็มีความเชื่อว่าถ้าเฝ้าทุกบ่อละแวกนั้น จนถึงเวลาใกล้ค่ำ ก็น่าจะเจอมากกว่านี้อีก

ได้เฝ้าดู"ขาแดง"หลายๆ ตัวเข้า ไม่ยักรู้สึกเบื่อเหมือนดู"เสื้อแดง"เล้ย 555


หน้า 7
http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROb1lYQXdOVEkyTURjMU1nPT0=&sectionid=TURNeE53PT0=&day=TWpBd09TMHdOeTB5Tmc9PQ==


--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.sanamluang.bloggang.com
http://tham-manamai.blogspot.com
http://lifeanddeath2mcu.blogspot.com
http://www.parent-youth.net
http://www.tzuchithailand.org
http://www.presscouncil.or.th
http://ilaw.or.th
http://www.thaihof.org
http://thainetizen.org
http://www.ictforall.org
http://www.projectlib.in.th
http://elibrary.nfe.go.th
http://www.nstda.or.th/th
http://www.arda.or.th
http://www.nppdo.go.th
http://www.tlcthai.com
http://dbd-52.hi5.com
http://www.oknation.net/blog/assistance
http://weblogcamp2009.blogspot.com/