ใครๆก็แก้กฎหมายได้(คุณก็ด้วย)
Bookmark and Share

วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ร่วมลงชื่อ"คัดค้าน"ปลดล็อกนกปรอดหัวโขนจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง !!! -ห้ามพลาด 25 ก.พ.นี้เปิดประชาพิจารณ์

วันอังคาร ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2553
ร่วมลงชื่อ"คัดค้าน"ปลดล็อกนกปรอดหัวโขนจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง !!! -ห้ามพลาด 25 ก.พ.นี้เปิดประชาพิจารณ์
Posted by OKnature , ผู้อ่าน : 242 , 15:58:27 น.  
หมวด : ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

พิมพ์หน้านี้


กำลังเป็นประเด็นฮ็อตในแวดวงอนุรักษ์ธรรมชาติทีเดียวครับสำหรับกรณีมีข้อเสนอจากกลุ่มคนเลี้ยงนก เรียกร้องให้ "ปลดล็อกนกปรอดหัวโขน(นกกรงหัวจุก)ออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง" ในชุมชนออนไลน์ต่าง ๆเริ่มมีคนโพสต์คัดค้านเรื่องนี้กันแล้ว

วันนี้ (16 ก.พ.53)   รายการ "ชุมชนคนอาสา" ทางสถานีข่าวเนชั่นแชนเนล รับอาสาตามติดประเด็นร้อน ๆ กันอีกครั้งทั้งคนที่เสนอและเสียงที่คัดค้าน มีตัวแทนจากสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย และตัวแทนสมาคมนกกรงหัวจุกแห่งประเทศไทย มาร่วมถกกันด้วยเหตุและผล ว่ากันข้อมูล ด้วยบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง

หลังจากรายการชุมชนคนอาสาเคยเปิดประเด็น ด้วยการให้ตัวแทนของกลุ่มเรียกร้องปลดล็อกนกปรอดหัวโขนออกจากบัญชีรายชื่อสัตว์ป่าคุ้มครอง มาออกอากาศไปเมื่อสัปดาห์ก่อน

คลิกฟังรายงาน"ชุมชุนอาสา" ถกประเด็นร้อน ปลด! "นกปรอดหัวโขน" ออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง ภาค 2!!  กับผู้ร่วมรายการ นายพรเทพ คัดสุระ กรรมการสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย และนายกิตติพงศ์ ไทยสม กรรมการสมาคมนกกรงหัวจุกแห่งประเทศไทย  // 16 ก.พ. 53

http://www.nationchannel.com/home/news/program/ชุมชนคนอาสา/15617/

คลิกฟังตัวแทนของคนเลี้ยงนกพูดถึงข้อเสนอให้ปลดล็อกนกปรอดโขนออกจากบัญชีรายชื่อสัตว์ป่าคุ้มครอง  / รายการออกอากาศไปเมื่อ  4 ก.พ. 2553

http://www.nationchannel.com/home/news/program/ชุมชนคนอาสา/15315/

๑ ขอแรงเพื่อนๆ ส่งชื่อมาร่วมคัดค้านด้วย
ทางชมรมอนุรักษ์นกและธรรมชาติล้านนา
http://www.lannabird.org/nuke/
กำลังเร่งรวบรวมรายชื่อผู้คัดค้านอยู่

ง่าย ๆ เพียงส่ง - ชื่อ - นามสกุล
และถ้าสะดวก เราขอเพิ่ม - ที่อยู่ - เบอร์โทรศัพท์ - หมายเลขบัตรประชาชน
ส่งมาที่
FreeRWB@gmail.com


๑ ห้ามพลาด !!!
คุณมีนัดกับคนรักนก เปิดประชาพิจารณ์ กรณีปลดล็อกนกปรอดหัวโขน
25 กุมภาพันธ์ 53 เวลา 09.00-16.00 น.
ณ ห้องประชุม สง่า สรรพศรี คณะวนศาสตร์ ม.เกษตรฯ

๑ ร่วมรณรงค์ผ่านทางชุมชนออนไลน์ต่าง ๆ

- ที่ TKT ... http://board.trekkingthai.com/board/webboard.php?forum_id=31

- ที่ TWS โดนปักหมุดแล้ว ... http://board.trekkingthai.com/board/show.php?forum_id=18&topic_no=198571&topic_id=201106

- ที่สมาคมนกฯ ... http://www.bcst.or.th/forum/index.php?topic=1150.0

- ที่บลูพลาเน็ต...http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8886696/E8886696.html

  - ที่บ้าน Go4Get … http://www.go4get.com/add_go4board.php?id=1760

- ที่โครงการฟ้าใส ... topic=329.0http://www.cookietalkie.com/forum/index.php?

- ที่ Savebird ... http://www.savebird.com/Forum/index.php?topic=992.50

- ที่ OKnation ... http://www.oknation.net/blog/charlee/2009/02/13/entry-2
http://www.oknation.net/blog/OKnatureclub/2010/02/05/entry-1
http://www.oknation.net/blog/charlee/2010/02/08/entry-1
http://www.oknation.net/blog/tawanyimchang/2010/02/15/entry-1

+++++++++++++++++++

หมายเหตุ : ขอขอบคุณรายการชุมชนคนอาสา ทางสถานีเนชั่น แชนเนล ที่เอื้อเฟื้อให้ใช้ข้อมูลรายการครับ

http://www.oknation.net/blog/OKnatureclub/2010/02/16/entry-1

--
โปรดอ่านบล็อก
http://www.pridiinstitute.com
http://www.nakkhaothai.com
http://twitter.com/sweetblog
http://twitter.com/oknewsblog
http://twitter.com/okblogger
http://twitter.com/sat191
http://www.pacc.go.th/
http://twitter.com/okblogchan
http://twitter.com/sun1951
http://twitter.com/smeblogger
http://twitter.com/seminarblog
http://twitter.com/sunnewsblog
http://twitter.com/okworldblog
http://twitter.com/ktblogger
http://twitter.com/sundayblog
http://twitter.com/mondayblog
http://twitter.com/tuesdayblog
http://twitter.com/wednesdayblog
http://twitter.com/thursdayblog
http://twitter.com/fridayblog
http://twitter.com/saturdayblog
http://www.youtube.com/user/naiissarachon#p/a/u/0/34ZvscsnCbA

วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2553

ฝูงนกเป็ดน้ำถลาเล่นลมหนีความหนาวบินโฉบไปมาทั่วอ่างเก็บน้ำสุวรรณาภา



วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2553 เวลา 19:21:44 น.  มติชนออนไลน์

ฝูงนกเป็ดน้ำถลาเล่นลมหนีความหนาวบินโฉบไปมาทั่วอ่างเก็บน้ำสุวรรณาภา

เมื่อเวลา  15.00  น  วันที่  29  มกราคม    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ได้มีฝูงนกเป็ดน้ำ ประมาณ  500  ตัว  บินโฉบวกวนเหนือท้องฟ้าชุมชนเทศบาล   สร้างความแตกตื่นให้ประชาชนก่อนบินถลาลงสู่   อ่างเก็บน้ำสุวรรณาภา   แหล่งน้ำดิบผลิตน้ำประปาให้  ชุมชนเทศบาลตำบลกังแอน   อ.ปราสาท  จ.สุรินทร์   แล้วลอยตัวระเริงเล่นอยู่บนท้องน้ำอย่างสนุกสนาน


 ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า   อ่างเก็บน้ำสุวรรณาภา  มีพื้นที่กว้างใหญ่อยู่ในเขตพื้นที่  บ้านบุเจก   บ้านปะอาว   บ้านปลุง  และบ้านตะเคียน   ต.กังแอน  ปีนี้ฟูงนกเป็ดน้ำบินเข้ามาช้ากว่าทุกปี  อันเนื่องมาจากอากาศในแถบนี้หนาวเย็น   ครั่นลมเปลี่ยนทิศ   สภาพอากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น จึงทำให้  ฝูงนกเป็ดน้ำจาก ประเทศไซบีเรีย  บินลัดฟ้าหนีความเย็นหาความอบอุ่น


นายสำเร็จ  พูนสิรินาวิน  ปศุสัตว์อำเภอปราสาท  กล่าวว่า ฝูงนกเป็ดน้ำใน อ่างเก็บน้ำสุวรรณาภา  คงหนีมาจากแหล่งที่มีคนล่ายิงเป็นอาหาร   ( นักนิยมอาหารป่า  )  ดังนั้นเมื่อเข้ามาอยู่ในพื้นที่ต้องช่วยกันอนุรักษ์ไว้ชื่นชม  หากใครไปยิงทำร้ายจะกระทำความผิด พ.ร.บ.สัตว์ป่าสงวนคุ้มครอง     

ด้าน  นายศราวุธ  รุ่งธนเกียรติ  นายกเทศมนตรีตำบลกังแอน  อ.ปราสาท  กล่าวว่า  ได้ประกาศเสียงตามสายและมีหนังสือถึงชุมชนเทศบาล  ให้รับทราบแล้วว่า   ขณะนี้มีฝูงนกเป็ดน้ำจำนวนมากหนีความหนาวเย็นมาอาศัยอยู่ที่  อ่างเก็บน้ำสุวรรณาภา    นอกจากนี้ยังมีนกกระยางขาว   เข้ามาหาอาหารในอ่างน้ำด้วย   เมื่อไปพบเห็นฝูงนกเป็ดน้ำอย่าไล่  และอย่ายิง   ตกค่ำฝูงนกเป็ดน้ำจะไปหลับนอนในป่าหญ้ากก  

                              http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1264767742&grpid=03&catid=19

--
โปรดอ่านบล็อก
http://www.pridiinstitute.com
http://www.nakkhaothai.com
http://twitter.com/sweetblog
http://twitter.com/oknewsblog
http://twitter.com/okblogger
http://twitter.com/sat191
http://www.pacc.go.th/
http://twitter.com/okblogchan
http://twitter.com/sun1951
http://twitter.com/smeblogger
http://twitter.com/seminarblog
http://twitter.com/sunnewsblog
http://twitter.com/okworldblog
http://twitter.com/ktblogger
http://twitter.com/sundayblog
http://twitter.com/mondayblog
http://twitter.com/tuesdayblog
http://twitter.com/wednesdayblog
http://twitter.com/thursdayblog
http://twitter.com/fridayblog
http://twitter.com/saturdayblog

วิวาทะแนวทางการเมืองสีเขียว



วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2553 เวลา 23:52:08 น.  มติชนออนไลน์

วิวาทะแนวทางการเมืองสีเขียว

โดย... เกษียร เตชะพีระ

การที่บรรดาชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกมัวแต่ผัดผ่อนและล้มเหลวครั้ง แล้วครั้งเล่าที่จะตกลงลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อแก้ภาวะโลกร้อน โดยยอมแบกรับภาระต้นทุนผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นบ้าง อันมีกรณีการประชุมสุดยอดที่โคเปนเฮเกนปลายปีที่แล้วเป็นตัวอย่างล่าสุดนั้น นอกจากชวนหดหู่หมดหวังแล้ว ก็ยังบ่งชี้ความสัมพันธ์อันมัดแน่นแกะไม่ออกระหว่างปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลก กับ [ระบบการผลิตที่อาศัยเชื้อเพลิงฟอสซิลหรือซากดึกดำบรรพ์ + เศรษฐกิจอุตสาหกรรม + สังคมบริโภคนิยม] ด้วย


ประเด็นนี้ก่อความแตกต่างขัดแย้งทางความคิดในขบวนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมระหว่าง : -


1) ฝ่ายที่เล็งการณ์ร้ายว่าอารยธรรมมนุษย์ดังที่เป็นอยู่นี้เกินแก้ไขเยียวยา มิสู้ปล่อยให้มันล่มสลายไปเลยดีกว่า แล้วค่อยสร้างขึ้นมาใหม่หมด กับ


2) ฝ่ายที่เห็นว่าหากนิ่งดูดายปล่อยไปเช่นนั้น จะเกิดต้นทุนความสูญเสียแก่มนุษยชาติสูงเกินรับไหว ดังนั้นถึงไงก็ต้องพยายามมองโลกในแง่ดี ยืนหยัดต่อสู้ผลักดันให้รัฐบาลนานาชาติและชาวโลกเปลี่ยนแปลงแก้ไขวิถีการ ผลิตและบริโภคทางเศรษฐกิจเพื่อหลีกเลี่ยงหายนะที่จะมาถึง


ไม่นานมานี้ ปัญญาชนนักเคลื่อนไหวชั้นแนวหน้าของขบวนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในอังกฤษ 2 คน คือ พอล คิงส์นอร์ธ กับ จอร์จ มองบิโอต์ ผู้เป็นตัวแทนแนวคิด 2 ฝ่ายดังกล่าว ได้เปิดฉากวิวาทะกันเรื่องนี้ทางจดหมายผ่านเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์เดอะกา ร์เดียน ต่างนำเสนอแง่คิดมุมมองข้อถกเถียง การประเมินสถานการณ์ และวิเคราะห์วิจารณ์ทางออกที่เป็นไปได้อย่างน่าสนใจชวนพินิจพิจารณา ในฐานะที่นับวันมันจะกลายเป็นประเด็นระเบียบวาระทางนโยบายรูปธรรมสำคัญเร่ง ด่วนใกล้ตัวทั้งระดับสากลและในประเทศ ดังเช่นกรณีมาบตาพุด/มาบตาพิษ เป็นต้น

 


ผมจึงใคร่ขอนำมาถ่ายทอดเสนอต่อตามลำดับดังนี้.....

 

จดหมายฉบับที่ 1

 

จอร์จเพื่อนรัก,

 

 


บนโต๊ะข้างหน้าผมเป็นกราฟชุดหนึ่ง แกนราบของกราฟแต่ละรูปแสดงปี ค.ศ.1750 ถึง 2000 กราฟต่างๆ เหล่านี้แสดงให้เห็นระดับประชากร, ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สะสมในชั้นบรรยากาศ, การจับสัตว์น้ำจากการประมง, การตัดไม้ทำลายป่าเขตร้อน, การบริโภคกระดาษ, จำนวนรถยนต์, การใช้น้ำ, อัตราการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต และยอดผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของเศรษฐกิจมนุษย์ทั้งหมด


สิ่งที่สะกดความคิดจิตใจผมเกี่ยวกับกราฟพวกนี้ (ซึ่งปกติแล้วกราฟจะไม่ค่อยสะกดความคิดจิตใจผมเท่าไหร่) ก็คือถึงแม้พวกมันจะแสดงเรื่องราวแตกต่างกันสารพัด แต่กลับมีรูปร่างแทบเป็นพิมพ์เดียวกัน นั่นคือเส้นกราฟจะเริ่มจากซีกซ้ายของหน้าแล้วค่อยๆ ไต่สูงขึ้นขณะเคลื่อนไปทางขวา และพอถึงระยะราวหนึ่งนิ้วก่อนสุดหน้า-ซึ่งตกราวปี ค.ศ.1950 ตามแกนราบของกราฟ-เส้นก็จะหักเหพุ่งขึ้นบน เหมือนเวลานักบินหันหัวเครื่องบินโผขึ้นสูงเพื่อหลบหน้าผาที่จู่ๆ ก็โผล่ออกมาจากก้อนเมฆที่เขาคิดว่าว่างเปล่า


รากเหง้าของแนวโน้มทั้งปวงในกราฟเหล่านี้เป็นสิ่งเดียวกัน นั่นคือเศรษฐกิจ มนุษย์ที่ตะกละตะกลามซึ่งกำลังนำพาโลกไปจ่อริมเหวของความโกลาหลอลหม่านอย่าง ว่องไว เราเองก็รู้เรื่องนี้ พวกเราบางคนกระทั่งพยายามหยุดมันไว้ไม่ให้เกิดขึ้น แต่กระนั้นแนวโน้มดังกล่าวกลับยังเลวร้ายลงต่อไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งไม่มีสัญญาณเลยว่ามันจะเปลี่ยนแปรเป็นอื่นในเวลาอันใกล้ สิ่งที่กราฟเหล่านี้แสดงให้เห็นชัดกว่าอื่นใดก็คือความเป็นจริงอันเลือดเย็น ว่าการล่มสลายอย่างร้ายแรงกำลังจะมาถึง


แต่กระนั้นก็มีพวกเราน้อยคนเหลือเกินที่พร้อมจะจ้องมองดูเรื่องราว ความเป็นจริงดังกล่าวนี้อย่างซื่อๆ ตรงๆ ขณะที่มันกรีดร้องบอกเราว่า อารยธรรมซึ่งเราร่วมเป็นส่วนหนึ่งอยู่ด้วยนั้นกำลังพุ่งเข้าใส่กำแพงกันชน ด้วยความเร็วเต็มพิกัด และสายเกินไปแล้วที่จะหยุดมัน แทนที่จะยอมรับความจริงที่ว่านั้น พวกเราส่วนใหญ่-ซึ่งผมเหมารวมขบวนการสิ่งแวดล้อมกระแสหลักมากมายไว้ด้วย -กลับยังยึดติดอยู่กับวิสัยทัศน์ที่เห็นอนาคตเป็นแค่สภาพปัจจุบันที่ปรับ ปรุงดีขึ้นเท่านั้นเอง เรายังคงเชื่อ "ความก้าวหน้า" แบบที่ลัทธิเสรีนิยมตะวันตกนิยามไว้อย่างมักง่าย เรายังคงเชื่อว่าเราจะสามารถดำรงชีวิตอยู่อย่างสบายๆ แบบที่เคยอยู่มาได้ต่อไป (แม้จะต้องมีแหล่งผลิตไฟฟ้าด้วยกังหันลมมากขึ้นและมีหลอดไฟคุณภาพดีขึ้นบ้าง ) ขอเพียงแต่เราอ้าแขนโอบรับ "การพัฒนาที่ยั่งยืน" มาเร็วพอ, อีกทั้งยังเชื่อด้วยว่าเราจะสามารถขยาย "การพัฒนาที่ยั่งยืน" ไปยังประชากรอีก 3 พันล้านคนที่จะถือกำเนิดมาสมทบกับเราบนดาวเคราะห์ที่อึดอัดจนหายใจไม่ค่อย ออกอยู่แล้วใบนี้ในเวลาอันสั้น


ผมคิดว่านี่เป็นการปิดหูปิดตาปฏิเสธ ความเป็นจริง เห็นสัญญาณกันโทนโท่แล้วว่าสังคมอุตสาหกรรมไปไม่รอด และไม่ว่าจะช็อปปิ้งกันอย่างมีจริยธรรมสำนึกเพียงใดหรือปักใจประท้วงเด็ด เดี่ยวแค่ไหนก็ไม่มีทางเปลี่ยนมันได้แล้วตอนนี้ หากเอาอารยธรรมที่ตั้งอยู่บนมายาการเรื่องมนุษย์เป็นข้อยกเว้นพิเศษไม่ เหมือนใครกับท่าทีที่หยั่งลึกทางวัฒนธรรมต่อ "ธรรมชาติ" เป็นตัวตั้ง, บวกด้วยความเชื่อเรื่องความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและวัตถุอย่างหลับหูหลับตา, แล้วจุดเชื้อขับเคลื่อนทั้งหมดนั้นด้วยแหล่งพลังงานซึ่งกว่าจะค้นพบว่ามันมี ลักษณะทำลายล้างฉิบหายวายวอดก็หลังจากที่เราได้ใช้มันเพิ่มทวีจำนวนผู้คนและ กิเลสโลภของเราจนสายเกินแก้แล้ว ลองผสมผสานทั้งหมดนั้นเข้าด้วยกันแล้วคุณว่ามันจะได้อะไรหรือ? เรากำลังเริ่มพบคำตอบต่อคำถามนั่นแล้วตอนนี้


เราต้องเลิกงี่เง่าได้แล้ว การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังจวนเจียนจะถึงจุดสายเกินแก้เต็มที ขณะพวกผู้นำของเรายังพากันตีฆ้องร้องป่าวให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้นอีก ระบบเศรษฐกิจที่เราพึ่งพาอยู่นั้นไม่อาจกำราบมันให้เชื่องได้โดยที่มันไม่ พังพินาศลงไป ทั้งนี้เพราะมันอาศัยการเติบโตที่ว่านั่นแหละจึงจะดำเนินงานได้ และเอาเข้าจริงมีใครหน้าไหนบ้างอยากกำราบมันให้เชื่อง? คนส่วนใหญ่ในโลกที่ร่ำรวยจะไม่ยอมเสียสละรถยนต์หรือวันหยุดของตนโดยไม่สู้รบ ปรบมือสักตั้งหรอก


มีบางคน-ซึ่งอาจเป็นคุณด้วย-เชื่อว่า ไม่ควรพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาต่อให้มันจริงก็ตามเพราะขืนพูดคนจะหมด  "หวัง" และหากสิ้นหวังแล้ว ก็ไม่มีโอกาสจะ "กอบกู้ดาวเคราะห์โลก"  ได้ แต่ความหวังลมๆ แล้งๆ มันเลวร้ายกว่าหมดหวังเสียอีก ส่วนเรื่องการกอบกู้ดาวเคราะห์โลกน่ะ-เอาเข้าจริงที่เรากำลังพยายามจะกอบกู้ ระหว่างตะเกียกตะกายติดตั้งกังหันลมบนภูเขาและตะโกนด่าพวกรัฐมนตรีนั้นไม่ ใช่ดาวเคราะห์โลกหรอก แต่คือการยึดมั่นถือมั่นวัฒนธรรมเชิงวัตถุของตะวันตกต่างหาก ซึ่งเราจินตนาการไม่ออกว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรถ้าไม่มีมัน


สิ่งท้าทายเราไม่ใช่เรื่องที่ว่าจะค้ำจุนจักรวรรดิซึ่งกำลังเสื่อม สลายลงด้วยเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังคลื่นและการประชุมสุดยอดระดับโลกอย่างไร แต่เป็นประเด็นที่ควรเริ่มคิดได้แล้วว่าเราจะเอาตัวรอดการล่มจมของจักรวรรดิ อย่างไร และเราจะสามารถเรียนรู้อะไรจากการล่มสลายของมันได้บ้าง
ด้วยปรารถนาดี


พอล

                              http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1264773309&grpid=no&catid=02

--
โปรดอ่านบล็อก
http://www.pridiinstitute.com
http://www.nakkhaothai.com
http://twitter.com/sweetblog
http://twitter.com/oknewsblog
http://twitter.com/okblogger
http://twitter.com/sat191
http://www.pacc.go.th/
http://twitter.com/okblogchan
http://twitter.com/sun1951
http://twitter.com/smeblogger
http://twitter.com/seminarblog
http://twitter.com/sunnewsblog
http://twitter.com/okworldblog
http://twitter.com/ktblogger
http://twitter.com/sundayblog
http://twitter.com/mondayblog
http://twitter.com/tuesdayblog
http://twitter.com/wednesdayblog
http://twitter.com/thursdayblog
http://twitter.com/fridayblog
http://twitter.com/saturdayblog

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ศิลปะในป่าช้า

วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11554 มติชนรายวัน


ศิลปะในป่าช้า


โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์




ผู้เขียนได้รับจดหมายข่าวจากป่าช้าไม้เขียว (Green-Wood Cemetery) ในบรู๊กลีน, นิวยอร์ก เมื่อ 2-3 วันนี้

เมื่อ เปิดออกดูแล้วก็ขำนั่งหัวเราะอยู่คนเดียวแล้วก็ระลึกถึงเมื่อครั้งที่ผู้ เขียนไปงานประชุมประจำปีของสมาคมรัฐศาสตร์อเมริกันที่กรุงนิวยอร์กเมื่อ พ.ศ.2536

ในครั้งนั้นผู้เขียนได้แวะเข้าไปในป่าช้าไม้เขียวนี้และ ชื่นชมบรรยากาศของป่าช้านี้มากเพราะสวย สะอาด มีไม้ดอกและไม้ใบนานาชนิดและการจัดภูมิทัศน์ก็วิเศษ แถมยังมีรูปปั้นเหนือหลุมฝังศพนานาชนิดที่งดงามและมีประวัติศาสตร์แห่งความ ทรงจำอยู่ทั่วไป

ผู้เขียนมีความสุขมากในการมาที่ป่าช้าแห่งนี้จึงได้เขียนความชื่นชมอย่างจริงใจลงในสมุดเยี่ยม

คาดไม่ถึงเลยว่าอีก 16 ปีต่อมาจะได้รับจดหมายข่าวจากป่าช้าแห่งความสุขของผู้เขียนในครั้งนั้น

เมื่อ ผู้เขียนยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้นต้องอ่านกลอนดอกสร้อย "รำพึงในป่าช้า" ของพระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนชีวะ) ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ค่อยชอบเท่าไร เนื่องจากถูกบังคับให้อ่านและเรื่องป่าช้ากับความตายนั้นไม่ใช่เรื่องสนุก อะไรเลย

จนกระทั่งเมื่อตอนที่ต้องเรียนวรรณคดีอังกฤษในมหาวิทยาลัยก็ ต้องเจอกวีนิพนธ์ของ Thomas Gray "An Elegy Written in a Country Churchyard" เข้า ซึ่งอาจารย์ฝรั่งผู้สอนท่านชื่นชมเหลือเกินถึงกับบอกผู้เขียนว่างานชิ้นนี้ สะท้อนถึงความครุ่นคิดในความเงียบสงัดและสันโดษที่งดงามที่สุด



และท่านมักจะพึมพำส่วนหนึ่งของกวีนิพนธ์ตอนหนึ่งเป็นประจำคือ

The boast of Heraldry, the Pomp of Pow"r, And all that Beauty, all that Wealth e"er gave, Awaits alike th"inevitable hour. The Paths of glory lead but to the Grave.

ผู้เขียนเลยต้องขวนขวายทำความเข้าใจกับความ วิเศษซาบซึ้งของกวีนิพนธ์บทนี้ให้ได้ แต่ภาษาอังกฤษที่สุดโบราณนั้นยากที่จะเข้าใจได้ หากไม่ได้กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้าของท่านเจ้าคุณอุปกิตศิลปสารที่ส่งไปให้ จากเมืองไทยแล้วละก็ผู้เขียนคงแย่แน่ๆ ทีเดียว

หลังจากนั้นผู้เขียน ก็ต้องเรียนวิชาศิลปศึกษา (Art Appreciation) ซึ่งเป็นวิชาบังคับทำให้ไปเที่ยวตามป่าช้าต่างๆ ในรัฐอิลลินอยส์ดูรูปปั้นบนหลุมฝังศพซึ่งอาจารย์บอกว่าเป็นศิลปะที่น่าสนใจ มาก ซึ่งจากการไปเดินในป่าช้าคนเดียวที่เมืองฝรั่งนั้นไม่น่ากลัวเท่าไรเลยเพราะ ป่าช้าของเขามักสะอาด สงบและสวยงามด้วยพรรณไม้ต่างๆ

อ้อ! ว่าก็ว่าเถอะมีหนุ่มสาวพิลึกบางคู่ชอบจะออกเดตกันไปที่ป่าช้าตอนกลางคืนมืดๆ นัยว่าไปหาอ่านชื่อคนที่จารึกอยู่บนหลุมฝังศพซึ่งทำไมไม่ไปกันตอนกลางวันก็ ไม่ทราบ

คงจะเป็นเพราะประสบการณ์ของผู้เขียนเป็นอย่างนี้เองทำให้ผู้ เขียนได้เยี่ยมชมป่าช้าของฝรั่งหลายแห่งและชอบบรรยากาศในป่าช้าเหล่านี้ เพื่อนันทนาการและได้เกร็ดความรู้ทางประวัติศาสตร์และทางสุนทรียศาสตร์เป็น ของแถม

ป่าช้าไม้เขียว (Green-Wood Cemetery) นี้เริ่มกิจการตั้งแต่ พ.ศ.2381 โน่น (ตั้ง 171 ปีมาแล้ว) จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงไม่แพ้น้ำตกไนแองการาเลยทีเดียว เนื่องจากมีผู้มาเยือนป่าช้าไม้เขียวนี้ปีละประมาณ 500,000 คน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของครอบครัว มีบริการรถม้า รถรางและผู้นำชมป่าช้าที่มีรูปปั้นเหนือหลุมฝังศพที่งดงามจำนวนมาก และชื่นชมกับภูมิทัศน์ที่งดงามที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลจากฝีมือการออกแบบ แลนด์สเคปที่ดีที่สุดของนักภูมิสถาปัตย์รุ่นแรกของสหรัฐอเมริกา

ปัจจุบัน นี้ป่าช้าไม้เขียวนี้มีเนื้อที่ 478 เอเคอร์ ประกอบด้วยเนินเขา หุบเขาและสระน้ำที่เกิดจากธารน้ำแข็ง และที่สำคัญก็คือยังพอมีที่ว่างอยู่บ้างจึงอยากจะชักชวนให้ผู้ที่ชื่นชมใน ธรรมชาติที่สวยงามพร้อมทั้งงานศิลปะที่งดงามรวมทั้งเพื่อนบ้าน (เพื่อนหลุม?) ที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์มาจับจองหลุมที่จะนอนหลับนิรันดร์

ซึ่ง ทางป่าช้ามีบริการทั้งฝังทั้งเผาให้เลือก นอกจากนี้ถ้าอยากอยู่คอนโดมิเนียมแบบไม่ต้องอยู่ใต้พื้นดินก็มีคอนโดมิเนียม ให้อยู่แต่สงวนสิทธิเอาไว้ให้กับคนที่ต้องการเผาศพเท่านั้นซึ่งเหมาะสำหรับ คนไทยมากทีเดียว

ที่เล่ามาทั้งหมดนี้เพราะว่าผู้เขียนได้รับการชัก ชวนให้ไปอยู่ที่ป่าช้าไม้เขียวโน่นเมื่อตอนตายแล้ว แบบว่าเชิญให้ไปเลือกจองที่ที่จะนอนหลับนิรันดร์เอาไว้ก่อน เนื่องจากอีกไม่นานที่ว่างในป่าช้าไม้เขียวอันสวยงามนี้อาจจะหมดไปเพราะยัง มีเหลืออยู่อีกไม่มาก

น่าเสียดาย ซึ่งผู้เขียนคิดว่าคงจะตอบขอบคุณไปในความปรารถนาดีครั้งนี้แต่คงไม่ไปจองที่อยู่หรอก

เพราะว่ากลัวหนาวน่ะ!


หน้า 6

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2552

East Asia and Pacific Newsletter


 
From: World Bank East Asia Pacific <eapnews@worldbank.org>
Date: ต.ค. 5, 2009 11:38 ก่อนเที่ยง
Subject: East Asia and Pacific Newsletter
To: chun1951@gmail.com

   
October 5, 2009
FEATURE
  Building Back Better After a String of Natural Disasters
It has been a disastrous week for many people who live in East Asia and the Pacific islands. In the aftermath of such devastation, the World Bank works with Governments and international development partners to help assess the extent of damage, cost it out and then work on a long-term reconstruction plan that is about "building back better".
     
Read the feature story
Check out the EAP Distater Risk Management website
       
AROUND THE REGION
CAMBODIA: Responding to the Impact of the Economic Crisis, Land and Legal and Judicial Reform High on the Agenda for Government-Development Partner Meeting
Senior ministers and officials from line ministries and Cambodia's development partner community, along with representatives of civil society, came together this morning for the fifteenth Government-Development Partner Coordination Committee (GDCC) meeting. Read more
   
CHINA: Growth through innovation : an industrial strategy for Shanghai
Shanghai is the urban axis of the Yangtze River Delta's thriving economy. Its future performance and that of a handful of other urban regions will determine China's economic fortunes in the coming decades. Read more
   
INDONESIA: New World Bank Financing Supports Indonesian Reforms and Infrastructure Policies
Two development policy loans (DPLs) amounting to US$1 billion expected to help boost reform efforts in fiscal management, public service delivery, the investment climate and the infrastructure sector. Read more

   
INDONESIA: World Bank Supports Indonesian Effort to Improve Quality of Health Professionals
New investments worth US$77.8 million to improve accreditation and certification of health professional by helping the Indonesian government design an internationally recognized, competence-focused accreditation system applicable to all health professional schools. Read more
   
LAO PDR: A Milestone Towards Greater Transparency in Public Procurement System
The application of Standard Bidding Documents, Standard Procurement Manuals will facilitate systematic implementation of the improved legal framework for public procurement in the country. Read more
   
LAO PDR: Poverty Reduction Fund
Project profile of the Poverty Reduction Fund (PRF) which empowers the poor, women and ethnic minorities in rural villages to assess their own needs and priorities, and builds capacity for them to plan, build and manage local infrastructure in a decentralized and transparent manner. Read more
   
MONGOLIA: Economic Value of the Upper Tuul Ecosystem, Mongolia
Document reports on a study carried out by the World Bank and the Government of Mongolia which aimed to improve understanding about the economic value of the Upper Tuul ecosystem for Ulaanbaatar's water supplies, and how this might be affected by different land and resource management options in the future. Read more
   
PHILIPPINES: World Bank Statement Expressing Condolences to the Victims of Tropical Storm Ondoy (Ketsana)
World Bank President Robert B. Zoellick wrote today to President Gloria Macapagal-Arroyo expressing sympathy for the country and sincere condolences to the families and victims of tropical storm Ondoy (Ketsana). Read more
   
VIETNAM: Photo Exhibition Showcases Efforts to Combat Natural Disaster
A photo exhibit of photo competition "Vietnam Images – Natural Disaster Proneness and Resilience" is on-going in Dien Hong Park, Hanoi. Exhibit runs from September 30th, 2009 to October 6th, 2009. Read more
   
   
This newsletter was sent to you because you signed up to receive updates on the East Asia and Pacific Region. If you prefer not to receive updates in the future, please reply to this message with 'UNSUBSCRIBE' in the subject line.
 
The blog East Asia & Pacific on the rise wants to create conversations around important development challenges facing the region, share what we at the World Bank are doing and highlight some interesting initiatives. It is maintained by various staff working on development issues in the region.
   
Current conversations:
Philippines flooding: Responding to a disaster in real time (Abhas Jha)
   

Donate to help victims of typhoon Ketsan (Ondoy) in the Philippines - Some suggestions
(Claudia Gabarain)
   
Regional Finance Roundup: Is East Asia leading the world out of the crisis? (James Seward)
   
Philippines: Surviving Tropical Storm Ondoy - Ketsana (Dave Llorito)
   
Do not worry about inflation in China for now, worry about asset prices and quality (Louis Kuijs)
   
Returning to Siberut: 30 years later, little has changed on remote Indonesian island (Tony Whitten)
   
Health restored? Uncertainty in forecasting Thailand's economic outlook (Frederico Gil Sander)
   
   
Subscribe to RSS feeds
Region and Country news
EAP on the rise - blog
EAP Flickr Photostream
    
Follow us on Twitter
@WorldBankAsia

 


--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
chun
http://tham-manamai.blogspot.com /sundara        
http://dbd-52hi5com.blogspot.com/ dbd_52
http://thammanamai.blogspot.com/ อายุวัฒนา
http://sunsangfun.blogspot.com/ suntu
http://originality9.blogspot.com/ originality
http://wisdom1951.blogspot.com/ wisdom

วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552

ขนสัตว์ป่านานาพันธุ์หายาก ให้ชาวกรุงยลโฉมใกล้ชิดอีกครั้ง


Pic_36495

ดิ เอ็มโพเรียมฯจัดงาน "Emporium Flora & Fauna Exotica : King of The Jungle อลังการเจ้าป่าซาฟารี" เตรียมเนรมิตทั้งศูนย์การค้าให้เป็นดินแดนแอฟริกา สรวงสวรรค์แห่งสัตว์ป่านานาพันธุ์ ...



ผล กระทบจากภาวะโลกร้อน ทำให้ปริมาณสัตว์ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด และคาดว่าในอนาคต สายพันธุ์สัตว์และพืชพันธุ์หายากอาจสูญพันธุ์ไปอย่างน่าเสียดาย!! ค่ายดิ เอ็มโพเรียมฯ ภายใต้การนำของ "ศุภลักษณ์ อัมพุช" รณรงค์ให้เยาวชนไทยเกิดความหวงแหนในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้วยการจัดงาน "Emporium Flora & Fauna Exotica : King of The Jungle อลังการเจ้าป่าซาฟารี" ต่อเนื่องเป็นปีที่สาม เตรียมเนรมิตทั้งศูนย์การค้าให้เป็นดินแดนแอฟริกา สรวงสวรรค์แห่งสัตว์ป่านานาพันธุ์
ระหว่างวันที่ 8-18 ต.ค.นี้



สำหรับ บรรยากาศของงานปีนี้ ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างกว่าทุกครั้ง เพราะขนสัตว์ป่าพันธุ์หายากมาให้ชาวกรุงได้ชมมากกว่า 50 สายพันธุ์ โดยจัดขึ้นในคอนเซปต์ "Save the world Save the wild-Global Warming threat the wild life" ได้แรงบันดาลใจจากโครงการ "The Princes Rainforest Project" ของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารอังกฤษ


ภาย ในงานแบ่งพื้นที่เป็น 8 โซนหลักๆ ไม่น่าพลาดชมได้แก่ โซน "King of The Jungle" อลังการเจ้าป่าซาฟารี ที่บริเวณเอ็มโพเรียม พาร์ค หน้าศูนย์การค้าฯ ขนสัตว์แปลกๆพันธุ์หายากมาจัดแสดงให้ได้ตื่นตาตื่นใจในบรรยากาศท้องทุ่งซา วันน่า มีอาทิ ลูกสิงโต, ลูกเสือขาว, นกกระจอกเทศ, สไปเดอร์มังค์กี้, ตัวลีเมอร์ และตัวคินดาจู



ถัด ไปบริเวณโมชั่นฮอลล์ ชั้น G เป็นโซนของ "Protea Extravaganza" อัศจรรย์ดอกโพรเทีย ต้อนรับผู้มาเยือนด้วยดอกไม้ประจำชาติของแอฟริกา ที่บานสะพรั่งไปทั่วพื้นที่ โดยมีสัตว์เลื้อยคลานในทะเลทรายใกล้สูญพันธุ์ คอยทักทายตลอดสองข้างทาง เช่น ชูก้าไกรเดอร์ กระรอกที่มีกระเป๋าหน้าท้องเหมือนจิงโจ้ ตัวโอพอสซั่ม และเต่าบิน สัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ใกล้สูญพันธุ์ เพราะสภาพอากาศเปลี่ยน



ขึ้น ไปที่ชั้น 6 ยังเนรมิตพื้นที่เป็นโซน "Jungle of Apes" ตระการตาบ้านทาร์ซานและเหล่าวานร เปิดโอกาสให้เด็กๆได้ผจญภัยและค้นหาความลับของสิงสาราสัตว์ยุคดึกดำบรรพ์ ท่ามกลางบรรยากาศแบบแอฟริกัน ชมความน่ารักของจิ้งจอกหูค้างคาว, ลิงกระรอก, ลีเมอร์ขาวดำจอมทะเล้น, นกแสก, เต่าใบไม้, ตะโขง และหิ่งห้อยยักษ์



ชัก จะตื่นเต้นแล้วใช่ไหมคะ ร่วมสัมผัสความมหัศจรรย์ของดินแดนซาฟารี ได้ตั้งแต่วันที่ 8-18 ต.ค.นี้ ที่ดิ เอ็มโพเรียม ช็อปปิ้ง คอมเพล็กซ์ รับรองว่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้ปีก่อนๆแน่นอน.

http://www.thairath.co.th/content/life/36495
--
      Weblink
seminar
http://ilaw.or.th
www.patani-conference.net
http://www.thaihof.org
http://thainetizen.org
http://www.ictforall.org
http://elibrary.nfe.go.th
http://www.thaisara.com
http://www.rmutr.ac.th
http://www.bedo.or.th/default.aspx
http://weblogcamp2009.blogspot.com
http://seminarmon.blogspot.com
http://seminartue.blogspot.com
http://seminarwed.blogspot.com
http://seminarthu.blogspot.com
http://seminarfri.blogspot.com
http://seminarsat.blogspot.com
http://seminar1951.blogspot.com
http://seminardd.com

สื่อโลกยกทัพบุก "บางขุนเทียน"

 
  สื่อโลกยกทัพบุก “บางขุนเทียน”

ข่าววันที่ 30 กันยายน 2552 แหล่งข่าวจาก สยามรัฐ

 

                                         สื่อโลกยกทัพบุก บางขุนเทียน

 

 

** 3ต.ค.ซีเอ็นเอ็น-บีบีซีฯนำทีม

** เตรียมตีข่าวแผ่นดินกทม.หาย

 

    มา กันทั้งเอพี-รอยเตอร์-ซีเอ็นเอ็น-บีบีซี และอีกกว่า 10 สถานีสื่อนอกชั้นนำ ชูตัวอย่างจะจะของไทย-เจ้าภาพประชุมโลกร้อน ที่ภัยจ่อประชิดเมืองหลวง ขณะเขื่อนไม้ไผ่กทม.เพิ่งได้ฤกษ์พ.ย.นี้

 

     ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ล่าสุดบริเวณชายฝั่งทะเลเขตบางขุนเทียน กทม. ภายหลังพายุไต้ฝุ่น กิสนาเริ่ม เคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า ได้ส่งผลกระทบให้เกิดคลื่นลมรุนแรงพัดเข้าสู่ชายฝั่งอย่างต่อเนื่อง จากเดิมในสภาวะปกติความสูงของคลื่นเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 50-80 เซนติเมตร เป็น 1 เมตรเศษ ซึ่งสร้างความวิตกกังวลต่อประชาชนชาวบ้านที่พักอาศัยและมีที่ดินทำกินบริเวณ ชายฝั่งจำนวนกว่า 100 ครอบครัว ถึงปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา กว่า 20 ปีที่ผ่านมา และจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาจากทางหน่วยงานที่รับผิดชอบคือกทม. ขณะเดียวกันการทำประมงชายฝั่งซึ่งเป็นอาชีพหลักของชาวบ้านในย่านนี้ต้องหยุด ชั่วคราวเพื่อรอให้คลื่นลมสงบ

    ทั้ง นี้ มีรายงานข่าวว่า คณะสื่อมวลชนชั้นนำจากต่างประเทศ อาทิ สำนักข่าวเอพี-รอยเตอร์ สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น สำนักข่าวบีบีซี และอีกกว่า 10 สถานีซึ่งเดินทางมาทำข่าวการประชุมภาวะโลกร้อนที่ประเทศไทย ได้มีกำหนดการเดินทางลงพื้นที่ทำข่าวผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภาวะโลกร้อนที่ ย่านชายทะเลบางขุนเทียน กทม.ในวันที่ 3 ต.ค.ที่จะถึงนี้เพื่อนำเสนอปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในประเทศไทยสู่สายตาชาวโลก ต่อไป

    ขณะ เดียวกันจากการสอบถามนายชัยนาท นิยมธูร ผอ.กองพัฒนาระบบหลัก สำนักการระบายน้ำ กทม.ถึงความคืบหน้าในการแก้ปัญหาน้ำกัดเซาะชายฝั่งบางขุนเทียนได้รับคำตอบ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดประมูลหาผู้รับเหมาผ่านระบบอี-ออกชัน (E-Auction) สร้างเขื่อนชั่วคราวเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในลักษณะเขื่อนไม้ไผ่เป็นแนว ขนานห่างจากชายฝั่ง 50-100 เมตร ยาว 3.7 กิโลเมตรตลอดแนวฝั่งของกทม.4.7 กิโลเมตร รวมกับของเดิมที่มีองค์กรการกุศลสร้างไว้แล้ว 1 กิโลเมตร ภายใต้งบประมาณ 10 ล้านบาท    

          อย่าง ไรก็ตาม เบื้องต้นคาดจะได้ผู้รับเหมาและเตรียมจัดหาเครื่องมือตลอดจนวัตถุดิบเสร็จ สิ้นในต.ค.นี้ จากนั้นจะเริ่มทยอยทำเป็นส่วนๆ ได้ตั้งแต่เดือนพ.ย.นี้อย่างแน่นอนตามที่กทม.ได้เคยรับปากกับชาวบ้านใน พื้นที่ไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งเขื่อนไม้ไผ่ชั่วคราวดังกล่าวจะช่วยบรรเทาปัญหาได้ในระดับหนึ่งและมี อายุการใช้งานประมาณ 3-5 ปี โดยระหว่างนั้นกทม.จะเร่งสร้างแนวเขื่อนถาวร ที่ยังอยู่ระหว่างพิจารณาหาข้อสรุปเรื่องรูปแบบและงบประมาณที่จะใช้ คาดจะใช้เวลาอีกระยะหนึ่งและจะแจ้งให้ทราบต่อไป นายชัยนาทกล่าว

 

 

 

 
  รูปประกอบข่าว
http://www.siamrath.co.th/uifont/NewsDetail.aspx?cid=62&nid=47525

--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
kb
http://camp02.blogspot.com/ camp02
http://kb1951.blogspot.com/ tkpark
http://kbparks.blogspot.com/ tkpark9
http://word1951.blogspot.com/ wordpress
http://www.baanjomyut.com/library/lotus
http://www.pwdom.com
http://weblogcamp2009.blogspot.com/2009
http://www.twitter.com/kajorn
http://www.twitter.com/BKKFlashCamp
http://camp02.readyhomepage.com
http://www.twitter.com/sun1951
http://www.twitter.com/joomlacorner
http://sun1951.vaivaitraining.com
http://sun1951.wordpress.com
http://www.educationatclick.com/th/